สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำในประเทศ (14ส.ค.2566) เปิดตลาดไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาเสาร์-อาทิตย์ โดยราคาตางประเทศฟื้นเล็กน้อย แต่การอ้างอิงราคาทองคำในประเทศลดลง แต่ไม่ส่งผลต่อราคาเพราะค่าเงินบาทอ่อน
- ทองคำแท่ง รับซื้อคืน 31,750.00 บาท/บาททองคำ และขายออก 31,850.00 บาท/บาททองคำ
- ทองรูปพรรณ รับซื้อคืน 31,184.12บาท/บาททองคำ และขายออก 32,350.00 บาท/บาททองคำ
ทองคำในประเทศ อ้างอิงตลาดสปอตที่ 1,914.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และอิงค่าเงินบาท 35.12บาท/ดอลลาร์
ห้างทองฮั่วเซง มองแนวโน้มตลาดทองคำฟื้นตัว จากปลายสัปดาห์กอนราคาทองคำปรับขึ้น 0.88 ดอลลาร์ คิดเป็น 0.04% ปิดตลาดที่ระดับ 1,913 ดอลลาร์
ภาพรวมความเคลื่อนไหวสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำสปอตปรับตัวลงในระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน จากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเพิ่มขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือ 4%
อย่างไรก็ตามในวันศุกร์ราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวเล็กน้อย หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลายวันติดต่อกัน ขณะที่ตลาดมีความกังวลเศรษฐกิจจีนที่อาจส่งผลกระทบกับทั่วโลก หลังข้อมูลเศรษฐกิจจีนอ่อนแอ และวิกฤตหนี้สินที่กำลังเกิดขึ้นกับบริษัทคันทรี การ์เดน โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์เอกชนรายใหญ่ที่สุดในจีน
ราคาทองเสาร์-อาทิตย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันศุกร์ แตะต่ำสุดรอบ 1 เดือน
ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดอ่อนค่า สวนทางดอลลาร์อ่อน
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามคืนนี้ สหรัฐไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
วิเคราะห์ราคาทองราคาทองคำราย 2 ชม. เริ่มมีสัญญาณ bullish divergence คาดว่าราคาทองคำจะฟื้นตัวขึ้นบริเวณแนวรับ 1,900-1,910 ดอลลาร์ ซึ่งแนะนำให้เข้าซื้อบริเวณดังกล่าว และมีแนวต้าน 1,930 ดอลลาร์ และ 1,940 ดอลลาร์
Gold spot
- สูงสุด – 1,920 ดอลลาร์
- ต่ำสุด – 1,910 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
- สูงสุด – 31,850 บาท
- ต่ำสุด – 31,850 บาท
การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน อาจส่งผลต่อ Demand ทองคำในจีน
ข้อมูลเศรษฐกิจของจีนหลายตัวที่เปิดเผยออกมา ได้สะท้อนถึงภาวะชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ โดยตัวเลข GDP ไตรมาส 2/2566 ของจีนที่ขยายตัวเพียง 6.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจขยายตัว 7.3% ยอดส่งออกเดือนมิ.ย.ของจีนร่วงลง 12.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี จากผลกระทบจากภาวะชะลอตัวของอุปสงค์ทั่วโลก การใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในเดือนมิ.ย. และการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์หดตัวลง
ส่วน CPI ของจีนล่าสุดปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 2 ปี จากอุปสงค์ที่อ่อนแอของจีนตลอดช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ผลมาจากการที่รัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นอุปสงค์แค่ในวงจำกัด รวมทั้งเป็นผลจากการใช้กฎระเบียบที่เข้มงวด และการทรุดตัวอย่างต่อเนื่องของตลาดที่อยู่อาศัย ทำให้คาดว่า CPIจีนปีนี้โตเพียง 0.5% ซึ่งจีนมีความเสี่ยงจะเผชิญกับภาวะเงินฝืด
ขณะที่นักวิเคราะห์หลายสำนักก็ต่างพากันปรับลดการคาดการณ์ GDP ของจีน อย่างเช่น เอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) ประกาศลดคาดการณ์ GDP ของจีนในปี 2566 ลงสู่ระดับ 5.2% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 5.5% โกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับลดการคาดการณ์ GDP จีนปีนี้เหลือ 5.4% จากระดับ 6%
ขณะที่เจพีมอร์แกนปรับลด GDP จีนปีนี้ลงเหลือ 5% จากระดับ 5.5% ส่วนมอร์แกน สแตนลีย์ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ลงสู่ระดับ 5% จากระดับ 5.7% การปรับลดการคาดการณ์ GDP ลงนั้นมาจากความกังวลว่าการลงทุนและภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องจะเป็นตัวฉุดเศรษฐกิจจีนให้อ่อนแอลงไปอีก
นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สินจากภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน อาจจะสร้างผลกระทบซ้ำเติมเศรษฐจีนเข้าไปอีก หลังจากบริษัทคันทรี การ์เดน (Country Garden) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอกชนรายใหญ่ที่สุดของจีน ได้ผิดนัดชำระหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์ซึ่งครบกำหนดเมื่อวันที่ 6 ส.คคำพูดจาก สล็อตวอเลท. ขณะที่ก่อนหน้านี้จีนเคยเผชิญปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วยเช่นกัน จากที่บริษัทเอเวอร์แกรนด์ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 2 ของจีน ผิดนัดชำระหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้สกุลเงินต่างประเทศในช่วง 2 ปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลไปทั่วโลก
ทั้งนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นส่วนสำคัญในการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน และมีสัดส่วนผลผลิตทางเศรษฐกิจสูงเกือบ 30% ทั้งนี้วิกฤต Country Garden จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาดที่อยู่อาศัยของจีน และอาจทำให้ความเชื่อมั่นของผู้ซื้อที่มีต่อนักพัฒนาภาคเอกชนอ่อนแอลงอย่างมาก เนื่องจาก Country Garden มีโครงการบ้านจัดสรรมากกว่า 3,000 โครงการทั่วประเทศจีน ซึ่งเปรียบเทียบกับ 700 โครงการของ Evergrande ทั่วประเทศจีน ขนาดของหนี้ของทั้งสองให้ภาพที่แตกต่างกัน จากหนี้สินของ Evergrande อยู่ที่ 2.4 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 333 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
ขณะที่ Country Garden มีมูลค่า 200 พันล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ขนาดโครงการของ Country Garden เป็นสัญญาณเตือนขนาดใหญ่สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนและอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนในวงกว้าง ประกอบกับเศรษฐกิจตอนนี้ยิ่งแย่กว่าเมื่อสามปีที่แล้ว จึงยิ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งเศรษฐกิจจีนมีความสัมพันธ์กับอุปสงค์ด้านทองคำ การชะลอตัวลงของภาวะเศรษฐกิจอาจกระทบต่อ demand ทองคำในจีนน้อยลง ซึ่งประเทศจีนถือว่าเป็นผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ของโลก อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก จากที่เศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจะส่งผลให้มีแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเข้ามาได้เช่นกัน
แม้ว่าราคาทองคำจะมีทิศทางลง แต่คาดว่าระยะสั้นราคาทองคำจะ Rebound ขึ้นบริเวณ 1,900-1,910 ดอลลาร์ สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,900-1,910 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,930 ดอลลาร์ และแนวต้าน 1,940 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 31,700 บาท และ 31,600 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 32,000 บาท และ 32,150 บาท